top of page
Search
  • Writer's pictureดา วนิดา

Pre-school age, mental aspect


โภชนาการสำหรับเด็กวัยก่อนเรียน การเรียนรู้เด็กวัยก่อนเรียน

การเรียนรู้เด็กวัยก่อนเรียน โภชนาการสำหรับเด็กวัยก่อนเรียน (อายุ 4-6 ปี) มีความสำคัญต่อพัฒนาการทั้งทางร่างกายและสมอง เด็กวัยนี้ต้องการสารอาหารครบถ้วนและเพียงพอต่อความต้องการ เพื่อใช้ในการเจริญเติบโต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค

ปริมาณอาหารที่ต้องการ ส่งเสริมภาษาเด็กวัยก่อนเรียน

เด็กวัยก่อนเรียนควรได้รับอาหารครบ 5 หมู่ ดังนี้

  • ข้าวหรือแป้ง ควรได้รับวันละ 5-6 ทัพพี

  • โปรตีน ควรได้รับวันละ 22-25 กรัม

  • ผัก ควรได้รับวันละ 3 ทัพพี

  • ผลไม้ ควรได้รับวันละ 3 ส่วน

  • นม ควรได้รับวันละ 2-3 แก้ว

ตัวอย่างอาหารที่เหมาะสม

ตัวอย่างอาหารที่เหมาะสมสำหรับเด็กวัยก่อนเรียน มีดังนี้

  • อาหารเช้า ข้าวต้มหมูสับ ไข่ต้ม นมสด ผลไม้

  • อาหารกลางวัน ข้าวสวย แกงจืด ปลาทอด ผักต้ม ผลไม้

  • อาหารเย็น ข้าวสวย ไก่ผัดผัก ไข่ต้ม ผลไม้

  • อาหารว่าง นมสด ผลไม้สด โยเกิร์ต ขนมปังโฮลวีต

ข้อควรระวัง

ควรหลีกเลี่ยงการให้เด็กรับประทานอาหารประเภทต่อไปนี้ เนื่องจากอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้

  • อาหารหวาน เช่น ขนมหวาน น้ำอัดลม ขนมขบเคี้ยว ผลไม้แช่อิ่ม น้ำผลไม้รสหวาน

  • อาหารมัน เช่น อาหารทอด อาหารผัด

  • อาหารรสจัด เช่น อาหารรสเผ็ด อาหารรสเค็ม

  • อาหารแปรรูป เช่น อาหารสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋อง

แนวทางส่งเสริมโภชนาการ

พ่อแม่ผู้ปกครองควรส่งเสริมโภชนาการให้กับเด็กวัยก่อนเรียน ดังนี้

  • ให้ลูกรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ให้ลูกได้ลองชิมอาหารหลากหลายชนิด

  • ให้ลูกรับประทานอาหารให้เป็นเวลา ไม่ควรให้ลูกอดอาหารหรือกินจุกจิก

  • ให้ลูกดื่มนมอย่างเพียงพอ นมเป็นแหล่งแคลเซียมที่สำคัญต่อการพัฒนากระดูกและฟัน

  • เป็นแบบอย่างที่ดี พ่อแม่ผู้ปกครองควรรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

โภชนาการที่ดีจะช่วยให้เด็กวัยก่อนเรียนมีพัฒนาการที่สมวัยทั้งทางร่างกายและสมอง พ่อแม่ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญกับโภชนาการของเด็กวัยนี้ เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีสุขภาพที่ดีและเติบโตอย่างแข็งแรง วัยก่อนเรียนด้านจิตใจ


ประเภทของกิจกรรมสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ

กิจกรรมสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ดังนี้

  • กิจกรรมพัฒนาร่างกาย ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการด้านร่างกายที่แข็งแรง สมดุล และประสานสัมพันธ์กัน เช่น การเล่นกีฬา ออกกำลังกาย เต้นรำ

  • กิจกรรมพัฒนาจิตใจ ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการด้านอารมณ์ สติปัญญา และความคิดสร้างสรรค์ เช่น การเล่านิทาน การวาดภาพ การร้องเพลง

  • กิจกรรมพัฒนาสังคม ช่วยให้เด็กมีทักษะการเข้าสังคม การสื่อสาร และการทำงานร่วมกับผู้อื่น เช่น การเล่นกับเพื่อน การเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม

การเลือกกิจกรรมสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ

  • ความต้องการและความสนใจของเด็ก เด็กแต่ละคนมีความต้องการและความสนใจที่แตกต่างกัน จึงควรเลือกกิจกรรมที่เด็กชอบและอยากทำ

  • ระดับพัฒนาการของเด็ก ควรเลือกกิจกรรมที่สอดคล้องกับระดับพัฒนาการของเด็ก เพื่อให้เด็กสามารถเรียนรู้และประสบความสำเร็จได้

  • ความสามารถของเด็ก ควรเลือกกิจกรรมที่เด็กสามารถทำได้ตามความสามารถของตนเอง เพื่อให้เด็กมีความรู้สึกมั่นใจและประสบความสำเร็จ เด็กวัยก่อนเรียน

  • สภาพแวดล้อมและความปลอดภัย ควรเลือกกิจกรรมที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของเด็ก


ตัวอย่างกิจกรรมสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ

  • กิจกรรมพัฒนาร่างกาย

    • การเล่นบอล

    • การเล่นซ่อนหา

    • การเต้นรำ

    • การว่ายน้ำ

    • การเดินป่า

  • กิจกรรมพัฒนาสังคม

    • การเล่นกับเพื่อน

    • การเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม

    • การอาสาสมัครช่วยเหลือผู้อื่น

    • การเข้าร่วมชมรมหรือกิจกรรมที่สนใจ

พ่อแม่ผู้ปกครองควรส่งเสริมให้เด็กมีกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เด็กมีพัฒนาการที่สมวัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดี การดูแลเด็กวัยก่อนเรียน

4 views2 comments

Recent Posts

See All
Post: Blog2_Post
bottom of page